͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ลดโรคระบาดสัตว์ ลดต้นทุนการผลิต

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 53

ลดโรคระบาดสัตว์ ลดต้นทุนการผลิต

เคยตั้งคำถามไหมว่า ทำไมเวลาเกิดโรคระบาดในสัตว์ เนื้อสัตว์ถึงมีราคาแพง นั่นเป็นเพราะว่าต้นทุนในการเลี้ยงปศุสัตว์ นอกจากจะอยู่ที่ค่าพันธุ์สัตว์ อาหาร โรงเรือน และยารักษาโรคแล้วจำนวนสัตว์ที่ลดลงจากการป่วยหรือตาย ถือเป็นต้นทุนสำคัญที่เกษตรกรไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลกระทบต่อตลาดปศุสัตว์โดยรวมโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อไก่และสุกรที่เป็นที่นิยมบริโภคในตลาดประเทศไทย

การที่เกษตรกรผู้เลี้ยงมีค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ในตลาดสูงตาม แต่หากสามารถช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนหรือแม้แต่ลดการสูญเสียลงก็จะช่วยลด ปัญหาเรื่องสินค้าปศุสัตว์แพงหรือขาดตลาดได้

โดยเฉลี่ยคนไทยบริโภคเนื้อไก่และสุกรรวมกันประมาณ 26 กิโลกรัม/คน/ปี กรมปศุสัตว์มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนคนไทยมีเนื้อสัตว์บริโภคอย่างพอเพียง ปลอดภัยจากสารตกค้าง การปนเปื้อนเชื้อโรค มีคุณค่าทางด้านโภชนาการครบถ้วน จึงมีนโยบายในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมและแก้ไขปัญหาโรคระบาดในสัตว์ควบคู่ไปด้วย เพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสในการประกอบอาชีพปศุสัตว์ให้แก่เกษตรกร ซึ่งจะได้เป็นวงจรกลับมาให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าในราคายุติธรรมโดยโรค ระบาดสัตว์ที่สำคัญในไก่และสัตว์ปีกทุกชนิด คือ ไข้หวัดนก ส่วนในสุกร ได้แก่ โรค PRRS อหิวาต์หมู และ PED โรคท้องร่วงในสุกร สำหรับโรคระบาดสำคัญที่เกิดกับสุกรดังกล่าวข้างต้นเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ ไวรัสเช่นเดียวกับไข้หวัดนก ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงจะใช้วิธีรักษาตามอาการ อย่างไรก็ตาม หากเกิดการระบาดขึ้น แม้จะไม่รุนแรงและรวดเร็วเท่าหวัดนก แต่ก็ทำให้เกษตรกรต้องสูญเสียสุกรไปกว่า 50-80% ดังนั้นเกษตรกรจึงควรต้องป้องกันไม่ให้เกิดโรคจะดีที่สุด

นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ (สคบ.) กล่าวว่า สำหรับโรคระบาดสำคัญที่เกิดขึ้นในสุกร เช่น โรค PRRS โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร (PED) และโรคอหิวาต์สุกรนั้น เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งโรค PRRS จะทำให้สัตว์ตายจากโรคแทรกซ้อน ลูกแท้ง และลูกสุกรแคระแกร็น ส่วนโรค PED เป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วในสุกรทุกอายุ โดยสุกรป่วยจะแสดงอาการท้องเสีย อาเจียน อัตราการตายในลูกสุกรดูดนมอาจสูงถึง 100% ซึ่งโรคดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง หรือช่วงฤดูฝน มีน้ำท่วมขัง ซึ่งจะทำให้สุกรเกิดความเครียด ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่อโรคต่าง ๆ ลดลง ทำให้สัตว์ติดเชื้อโรคได้ง่าย จากรายงานการเกิดโรคตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2547 พบว่าการระบาดของโรค PRRS และ PED มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกันไปตามลักษณะการจัดการและการเลี้ยง


ดังนั้นเกษตรกรจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปศุสัตว์ของตนให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง โดยต้องดูแลในเรื่องการจัดการโรงเรือน หรือคอกสัตว์ที่ดี มีหลังคาป้องกันฝน ลม ละอองฝนได้เป็นอย่างดี หรือจัดเตรียมสถานที่ที่ให้สัตว์สามารถหลบฝนได้ มีการจัดเตรียมน้ำ อาหาร ยา และเวชภัณฑ์ให้พร้อม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง พ่นยาฆ่าเชื้อทุกครั้งที่มีการจับหมูขาย รถจับหมูต้องได้รับการล้างและฆ่าเชื้ออย่างดีก่อนเข้าบริเวณฟาร์ม และเข้มงวดเรื่องคนงานในเล้าคลอด ห้ามปะปนกับส่วนอื่น รวมทั้งเข้มงวดเรื่องการฆ่าเชื้อก่อนเข้าโรงเรือน

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของกรมปศุสัตว์ที่จะช่วยเหลือภาคปศุสัตว์ของไทยก็ยังคงดำเนินต่อไป เห็นได้จากผลในการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์สุกร ซึ่งกรมปศุสัตว์ใช้เชื้อไวรัสที่เก็บจากพื้นที่เกิดโรคมาผลิตเป็นวัคซีน ทำให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ดีกว่าวัคซีนที่จำหน่ายตามท้อง ตลาดทั่วไป และผลิตขนาดบรรจุขวดละ 10 โด๊ส จำหน่ายในราคาถูก คือขวดละ 30 บาท เพื่อจำหน่ายปลีก อำนวยความสะดวกให้เกษตรกรรายย่อย

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 ตุลาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=663&contentID=96258

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology