จี้รัฐ-เอกชน ตื่นตัวเพิ่มศักยภาพข้าวไทย

จี้รัฐ-เอกชน ตื่นตัวเพิ่มศักยภาพข้าวไทย

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 53

นักวิชาการชี้ศักยภาพ ส่งออกข้าวไทยในตลาดโลกอีก 10 ปีข้างหน้าลดลง หวั่นเวียดนามเบียดแซงหน้า หากยังไม่เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปรับกลยุทธ์เจาะตลาดอาเซียน

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการศึกษา "ทางรอดข้าวไทยเพื่อการแข่งขันในตลาดอาเซียน" ว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะมีสัดส่วนการส่งออกข้าวไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่จากตัวเลขขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) คาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2563 ประเทศเวียดนามจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการส่งออกข้าวให้มาอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน จากปี 2553 ตัวเลขอยู่ที่กว่า 6 ล้านตัน ซึ่งจะใกล้เคียงกับตัวเลขการส่งออกของไทยในอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะลดลงจากประมาณ 10 ล้านตันในปัจจุบันเหลือ 8.6 ล้านตัน

ทั้งนี้ สาเหตุที่เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากเวียดนามมีวิธีการเจาะตลาดส่งออกได้ดีกว่า ขณะเดียวกันยังสามารถพัฒนาข้าวพรีเมียมให้มีคุณภาพได้ใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิของไทย ที่สำคัญยังมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าสำคัญๆ ได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และไต้หวัน

นอกจากนี้ ผลศึกษายังพบว่าเวียดนามมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทย โดยในปีการผลิต 2553/2554 เวียดนามมีผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยที่ 862.4 กิโลกรัมต่อไร่ สูงเป็นอันดับ 1 ในตลาดอาเซียน ขณะที่ไทยมีผลผลิตเฉลี่ยที่ 448 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นอันดับ 7 ต่ำกว่ากัมพูชา ลาว และพม่า และต่ำกว่าผลผลิตต่อไร่โดยเฉลี่ยของโลกที่มีค่าเฉลี่ย 680 กิโลกรัมต่อไร่ อีกทั้งชาวนาเวียดนามมีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าไทย

ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิต พัฒนาความสามารถในการส่งออกข้าวให้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนที่ไทยยังเป็นรองเวียดนาม แนวทางคือ ภาครัฐจะต้องร่วมมือกับเอกชนเป็นทีมเดียวกันเพื่อทำตลาด กำหนดตำแหน่งตัวเองให้ชัดเจนได้ว่าต้องการแข่งขันทางด้านใด เช่น ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวขาว และเจาะตลาดใด และยังต้องเพิ่มความรู้ด้านการค้าในอาเซียนให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวงการข้าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 6 ตุลาคม 2553
http://www.komchadluek.net/detail/20101006/75457/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน

'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554

คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด

ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้

วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์

บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง

วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง