͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

"เนยขาวจากน้ำมันรำข้าว" สุดยอดนวัตกรรมข้าวไทยปีนี้

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 53

"เนยขาวจากน้ำมันรำข้าว" สุดยอดนวัตกรรมข้าวไทยปีนี้

ต่อยอดจากน้ำมันรำข้าวเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผลผลิตจากข้าวไทยมีมูลค่าสูงขึ้น ปีนี้ บริษัทน้ำมันบริโภคไทย จำกัด วิจัยและพัฒนาการผลิตเพิ่มขึ้นจนสามารถผลิตเนยขาวจากน้ำมันรำข้าวได้ สำเร็จ ถือเป็นรายแรกของโลกที่นำน้ำมันรำข้าวมาผลิตเป็นเนยขาวหรือที่เรียกกันว่า “Shortening” วัตถุดิบสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการผลิตสินค้าเบเกอร์รี่ทั่วโลก และนวัตกรรมดังกล่าวได้คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมข้าวไทยประจำปีนี้ จากการประกวดผลงานนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ข้าวไทย ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. ร่วมกับมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่เป็นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวของประเทศไทย


นายประวิทย์ สันติวัฒนา ผู้บริหารบริษัทน้ำมันบริโภคไทย จำกัด บอกถึงที่มาของนวัตกรรมชิ้นนี้ว่า หลังจากได้ผลิตน้ำมันรำข้าวเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นด้านเศรษฐกิจปี 2549 บริษัทได้ลงทุนเพิ่มกว่า 20 ล้านบาทเพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การผลิตน้ำมันรำข้าวคุณภาพสูงเกรดที่ใช้ทำน้ำสลัด ซึ่งในกระบวนการผลิตดังกล่าว บริษัทพบว่าสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นก่อนได้น้ำมันรำข้าวคุณภาพสูงมาผลิตเป็นเนยขาวเพื่อสุขภาพได้โดยไม่ต้องสูญเสียวัตถุดิบไปโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งนี้การผลิตเนยขาวใช้กระบวนการผลิตทางกายภาพ โดยการนำน้ำมันรำข้าวมาผ่านความร้อนและตกผลึกภายใต้อุณหภูมิต่ำแล้ว ผ่านกระบวนการกรองและบีบอัดไข จากนั้นนำไขที่ได้มาให้ความร้อนและตกผลึกซ้ำ จะได้เนยขาวน้ำมันรำข้าวที่ปราศจากไขมันทรานส์ และกรดไขมันอิ่มตัวต่ำกว่าร้อยละ 40 รวมทั้งมีสารสำคัญ คือ โอรีซานอล และไฟโตสเตอรอล

คุณประวิทย์ บอกว่า เนยขาวที่ได้สร้างมูลค่าให้กับข้าวไทยมากกว่า 3 เท่าของน้ำมันรำข้าวเกรดปกติ เนื่องจากมีราคาขายปลีก 150 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 90 บาท/กิโลกรัมปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองตลาดคาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้ในปีหน้า


สำหรับรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยปีนี้ ยังมีอีก 4 นวัตกรรมที่ได้รับรางวัล และน่าสนใจไม่น้อย โดยรางวัลที่ 2 มี 2 ผลงานคือ น้ำสลัดไร้ไขมัน จากบริษัทมาลีบางกอก ที่นำแป้งข้าวบริสุทธิ์จากปลายข้าวขาวมะลิ 105 มาดัดแปลงทางกายภาพด้วยความร้อนจนเป็นสารข้นหนืด ใช้ทดแทนไขมันจากไข่ในการทำน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ และ เครื่องดื่มให้พลังงานจากข้าว จากบริษัทเจียเม้งอีสาน จำกัด ที่นำข้าวเปลือกที่ผ่านการงอกมากระเทาะเปลือกออกแล้วนำมาผ่านกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคสด้วยการใช้เอนไซม์ และพัฒนาสูตรให้เหมาะสม

ส่วนรางวัลที่ 3 มี 2 รางวัลเช่นกัน คือ เคยู โอวาการ์ด สารเคลือบไข่สดจากสตาร์ซข้าวเจ้า ของผศ.ดร.ภานุวัฒน์ สรรพกุล จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่นำแป้งข้าวเจ้ามาแปรรูปเป็นสารละลายคล้ายเจลใช้ในการเคลือบเพื่อรักษา คุณภาพของไข่ไก่สดระหว่างการเก็บในอุณหภูมิห้องคงความสดอยู่ได้ 28 วัน และอาหารว่างจากข้าวเจ้า ของ ผศ.วาสนา โพธิ์แก้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ที่ประยุกต์ภูมิปัญญาล้านนาในการทำข้าวควบจากการใช้แป้งข้าวเหนียวแทนการใช้เมล็ดข้าวโดยตรง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ขึ้นรูปได้ตามต้องการและไม่มีน้ำมัน

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า นวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2553 นี้ ได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 34 ผลงาน ซึ่งแม้ว่าจะมีจำนวนผลงานไม่มากนัก แต่จะเห็นได้ว่าผลงานในปีนี้ล้วนเป็นผลงานมีศักยภาพสู่เชิงพาณิชย์สูงมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ที่ผ่านมาประเทศไทยแม้จะเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก แต่มูลค่าการส่งออกข้าวยังแพ้ประเทศเวียดนามซึ่งมีราคาต่ำกว่า การส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมข้าวไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าและมีอำนาจต่อรองราคาในตลาดโลก ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ข่าวดี สำหรับเจ้าของภูมิปัญญาไทย ประกวดนวัตกรรมข้าวไทยปีหน้า ประธานกรรมการ มูลนิธิข้าวไทยฯ บอกว่า จะเปิดเวทีสำหรับชาวบ้านโดยเฉพาะเพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีจากผู้ประกวดที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เรียกได้ว่า ช่วยพัฒนาข้าวไทยกันได้ทุกคน

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 5 ตุลาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=319&contentID=96033

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology