͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

"กรมหมอดิน" ทุ่มงบ 105 ล้าน สานหอมมะลิอินทรีย์ทุ่งกุลา

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 53

"กรมหมอดิน" ทุ่มงบ 105 ล้าน สานหอมมะลิอินทรีย์ทุ่งกุลา

นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ในฐานะโฆษกกรมฯ เปิดเผยว่า ตามที่คณะอนุกรรมการบริหารโครงการผลิตข้าวหอมมะลิมาตรฐานเพื่อการส่งออกในทุ่งกุลาร้องไห้ ระยะที่ 2 (ปี 2552-2556) มีมติเห็นชอบให้ขยายขอบเขตเป้าหมายส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ใน ช่วง3 ปี คือปี 2554-2556 เพิ่มเติมอีก 400,000 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ในทุ่งกุลาร้องไห้ 157,000 ไร่ และนอกทุ่งกุลาร้องไห้ 243,000 ไร่ ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2554 กรมพัฒนาที่ดินได้จัดสรรงบประมาณ 105.42 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวฯ แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์เพื่อการส่งออก จำนวน 10,000 ไร่ และการปรับปรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสด จำนวน 100,000 ไร่ มีเป้าหมายในการยกระดับผลผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จากเดิมที่ผลิตได้ 250 กก.ไร่ เป็น 470 กก.ไร่

สำหรับรูปแบบการดำเนินการนั้นจะทำการก่อสร้างระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยการปรับปรุงพื้นที่นา มีการทำระบบคูคลองเพื่อควบคุมการระบายเกลือและระบายน้ำควบคู่ไปกับระบบกักเก็บน้ำ ซึ่งจะสามารถช่วยได้ทั้งปัญหาน้ำท่วมขังและฝนทิ้งช่วง นอกจากนี้ ยังช่วยลดการแพร่กระจายของพื้นที่ดินเค็มได้ด้วย ขณะเดียวกันยังใช้ดินที่ขุดขึ้นมาจากคูคลองต่างๆ มาจัดทำถนนในไร่นา ที่สำคัญกรมฯ ยังส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตรใน พื้นที่ดังกล่าว ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้พืชปุ๋ยสดในการปรับปรุงบำรุงดิน

นายฉลอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2526 จนถึงปัจจุบันกรมพัฒนาที่ดินได้ก่อสร้างระบบอนุรักษ์ดินและน้ำและปรับปรุง พื้นที่นาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ได้แล้วจำนวน 933,484 ไร่ จากเป้าหมายรวม 1.27 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทำนาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 14 กันยายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=227767

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology