͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เปิดโครงการปลูกข้าวแบบใหม่นำร่อง 22 จังหวัดภายใน 4 ปี

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 53

เปิดโครงการปลูกข้าวแบบใหม่นำร่อง 22 จังหวัดภายใน 4 ปี นายชลิต ดำรงศักดิ์  อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานร่วมกับกรมการข้าว และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เตรียมดำเนินโครงการจัดระบบการปลูกข้าวรูปแบบใหม่ โดยปลูกข้าวไม่เกินปีละ 2 ครั้ง นำร่องในพื้นที่ 22 จังหวัด ตามลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลอง ที่มีพื้นที่ในเขตชลประทานตั้งแต่ 150,000 ไร่ขึ้นไป หรือมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังตั้งแต่ 100,000 ไร่ ขึ้นไป และมีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลหรือพื้นที่ใกล้เคียงกับการระบาด ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย นครสวรรค์  พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย  อุทัยธานี ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี สระบุรี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  นครนายก ฉะเชิงเทรา  ราชบุรี  นครปฐม  สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และเพชรบุรี โดยมีระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2556

สำหรับโครงการจัดระบบการปลูกข้าวดังกล่าวนั้น จะกำหนดทางเลือกการปลูกข้าวตามช่วงเวลาเป็น 4 รูปแบบคือ  รูปแบบที่  1  ปลูกข้าวนาปี-ข้าวนาปรัง-พืชหลังนา  รูปแบบที่  2  ปลูกข้าวนาปี-นาปรัง-เว้นการปลูก  รูปแบบที่  3  ปลูกข้าวนาปี-พืชหลังนา-ข้าวนาปรัง  และรูปแบบที่  4  ปลูกข้าวนาปี-เว้นการปลูก-ข้าวนาปรัง  ซึ่งการเลือกรูปแบบการปลูกข้าวดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชุมชน โดยเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานจะออกสำรวจความต้องการเข้าร่วมโครงการ ของเกษตรกรในเขตโครงการชลประทานต่าง ๆ ทั้ง 48 โครงการ ใน 22 จังหวัดเป้าหมาย ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน 2553

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะไม่ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง แม้จะลดการทำนาเหลือเพียงปีละไม่เกิน 2 ครั้งก็ตาม แต่กลับจะทำให้เกษตรกรมีผลตอบแทนจากการปลูกข้าวมากขึ้น เนื่องจาก ระบบการปลูกข้าวแบบใหม่ จะไม่มีการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ลดการปะปนของข้าววัชพืชหรือข้าวดีด ข้าวเด้งที่เกิดจากการสะสมของการทำนาแบบต่อเนื่องรวมทั้งยังจะลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ข้าวมีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ในสถานการณ์ปกติ เมื่อเทียบกับระบบการปลูกข้าวที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการผลิต จากระบบเดิมในสถานการณ์ปกติจะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยตันละ 6,760 บาท เหลือเพียงตันละ 5,723 บาท ในระบบการปลูกข้าวแบบใหม่ หรือลดลงถึงตันละ 1,037 บาท แต่ถ้ามีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลยิ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวรูปแบบเดิมสูงกว่าแบบใหม่ รวมทั้งหากเลือกรูปแบบที่มีการปลูกพืชหลังนา เกษตรกรยังจะมีรายได้จากพืชหลังนา เช่น ถั่วเขียว ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อน อีกด้วย

“ระบบการทำนารูปแบบใหม่ยังจะทำให้ผลผลิตข้าวโดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้นแม้พื้นที่การทำนาปรังจะลดลงก็ตาม คาดว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวนาปรังเพิ่มจาก 6,472 ล้านตันข้าวเปลือก เป็น 6,530 ล้านตันข้าวเปลือก  ทำให้ระบบนิเวศในพื้นที่นาเขตชลประทานดีขึ้น เพราะได้มีการพักดินหรือปลูกพืชอื่นหมุนเวียน ซึ่งเป็นการฟื้นฟูพื้นที่นาเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ทำให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะประหยัดน้ำชลประทานได้ถึงประมาณ 1,200-2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตพืชไร่ทดแทนการนำเข้า และช่วยลดการนำเข้าสารเคมีและปุ๋ยเคมี ประมาณปีละ 7,500 ตัน หรือ 112.5 ล้านบาท” นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าว

ทั้งนี้โครงการจัดระบบการปลูกข้าวดังกล่าว จะมีการประชุมชี้แจงผู้เกี่ยวข้องและเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการในวันที่ 26 สิงหาคม 2553 นี้.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 26 สิงหาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=87572

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology