͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

สกัดอาฟตากระทบเกษตรกร กษ.เร่งดึงกองทุน "เอฟทีเอ" พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 53

สกัดอาฟตากระทบเกษตรกร กษ.เร่งดึงกองทุน "เอฟทีเอ" พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การเปิดเสรีทางการค้าภายใต้กรอบข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟตา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ทำให้สินค้าเกือบทุกชนิดรวมทั้งสินค้าเกษตร 23 รายการ ที่เคยมีมาตรการด้านปกป้องภาษี ต้องลดภาษีให้เหลือ 0% ยกเว้น กาแฟ มันฝรั่ง เนื้อมะพร้าวแห้ง และไม้ตัดดอก ซึ่งจะคงภาษีไว้ที่ 5% โดยสิ่งที่หลายคนเป็นห่วงมากในขณะนี้คือ สินค้าข้าวของไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้ปลูกจำนวนมากประมาณ 3.7 ล้านครอบครัว ทำรายได้ให้กับประเทศปีละหลายแสนล้านบาท อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าสินค้าอื่น เพราะต้นทุนการผลิตของไทยยังคงสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน แม้ว่าคุณภาพของผลผลิตของเราจะสูงกว่าก็ตาม เพราะผู้บริโภคอาจให้ความสำคัญด้านราคามากกว่าคุณภาพ

เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ จึงวางมาตรการป้องกันการนำเข้าข้าว เช่น กำหนดคุณสมบัติของผู้นำเข้า และมีการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้า กำหนดชนิดข้าวที่จะอนุญาตให้นำเข้า เช่น ให้นำเข้าเฉพาะปลายข้าวที่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเท่านั้น กำหนดมาตรฐานคุณภาพข้าวที่เป็นมาตรฐานเดียวกับที่บังคับใช้ภายในประเทศ และกำหนดเงื่อนไขปลอด GMO เป็นต้น

นายธีระกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับอีกมาตรการหนึ่งที่สำคัญคือการจัดตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น กองทุน เอฟ ที เอ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรฯ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้กองทุนฯ ได้อนุมัติเงินให้การสนับสนุนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าไปแล้ว 7 สินค้า ได้แก่ โคเนื้อ โคนม สุกร กระเทียม ปาล์มน้ำมัน ชาและกาแฟ จำนวน 12 โครงการ คิดเป็นงบประมาณจำนวน 346.64 ล้านบาท ดังนั้นกระทรวงเกษตรฯ คงต้องเร่งสร้างความเข้าใจและชี้แจงให้เกษตรกรหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าทุกชนิดได้รับทราบแนวทางการช่วยเหลือของกองทุนฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิตสินค้า ซึ่งมีพันธกรณีต้องลดภาษีและโควตา 23 รายการ รองรับการเปิดตลาดการค้าเสรีอาเซียน อาทิ สินค้าข้าว ซึ่งมีเกษตรกรผู้ผลิตถึง 3.7 ล้านครัวเรือน เพื่อนำไปสู่การปรับตัวควบคู่กับมาตรการบริหารการนำเข้า ณ ด่านศุลกากรที่รัฐได้กำหนดขึ้นเพื่อปกป้องการนำเข้าอีกทางหนึ่ง

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 19 มกราคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=195790

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology