͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ดันระบบปลูกข้าวใหม่ 22 จังหวัด แก้วิกฤติแล้ง-สกัดแมลงศัตรูข้าว

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 53

ดันระบบปลูกข้าวใหม่ 22 จังหวัด แก้วิกฤติแล้ง-สกัดแมลงศัตรูข้าว

นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากวิกฤตภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างมากกับชาวนาในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การปลูกข้าวนาปรังและจัดเป็นพื้นที่วิกฤตทั้งในเรื่องน้ำ โรคและแมลงศัตรูข้าว โดยเฉพาะการระบาดรุนแรงของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอเพิ่มเติมในแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการปฏิรูประบบการปลูกข้าวใหม่ ใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 22 จังหวัด พื้นที่รวม 9,532,672 ไร่ ซึ่งมีการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง และปลูกข้าวไม่พร้อมกัน ไม่มีการพักแปลงนาหรือว่างเว้นจากการปลูกข้าว ทำให้ดินมีสภาพเสื่อมโทรม เกิดการระบาดของข้าววัชพืช และปัญหาใหญ่ที่ตามมาคือการขาดแคลนน้ำในการปลูกข้าว

การจัดระบบปลูกข้าวใหม่ ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ตามโครงการส่งน้ำ 48 โครงการ แต่ละโครงการ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะร่วมกันพิจารณาเพื่อเลือกระบบที่เหมาะสม ซึ่งมีให้เลือก 4 ระบบ โดยภาครัฐจะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชหลังนาหรือพืชปุ๋ยสด จัดฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ จัดหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิตพืชหลังนา รวมทั้งการผ่อนปรนดอกเบี้ยและเลื่อนกำหนดเวลาชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)

ทั้งนี้ยังคงต้องอาศัยความร่วมมือจากเกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ได้ร่วมกัน วางระบบการปลูกข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการในชุมชนอย่างแท้จริง โดยแผนการปลูกข้าวระบบใหม่นี้จะดำเนินการในปี 2553 -2556 รวม 4 ปี หวังช่วยลดต้นทุนการผลิตทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ชาวนามีรายได้สุทธิต่อไร่มากขึ้น ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 16 กรกฎาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=219415

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology