͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

อียูตรวจเข้มผักไทย 3 ชนิดเริ่ม 25 ม.ค.นี้

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 53

อียูตรวจเข้มผักไทย 3 ชนิดเริ่ม 25 ม.ค.นี้

อียูเพิ่มมาตรการสุ่มตรวจผักนำเข้าจากไทย 50% เริ่มบังคับใช้ 25 มกราคม ในกะหล่ำ-มะเขือ-ถั่วฝักยาว มกอช.เตือนผู้ประกอบการ รับซื้อผลผลิตจากแปลงจีเอพี เท่านั้น

นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผอ.สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมาสหภาพยุโรป (อียู) ได้แจ้งเตือนการตรวจพบปัญหาสารตกค้างในสินค้าพืชผักที่นำเข้าจากประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง อียูจึงออกกฎระเบียบที่ 669/2009 กำหนดให้เพิ่มระดับความเข้มงวดในการควบคุมสินค้าอาหารและอาหารสัตว์นำเข้าบางประเภท ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 25 มกราคม ในสินค้าถั่วฝักยาว ผักตระกูลกะหล่ำ และตระกูลมะเขือที่ส่งออกจากไทยจะถูกกัก ณ ด่านนำเข้าของอียู เพื่อสุ่มตรวจสารกลุ่มออแกโนฟอสเฟต ในระดับ 50% จากเดิมที่สุ่มตรวจเพียง 10% 

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยไม่เร่งแก้ไขปัญหาสารตกค้างในพืชผัก 3 ชนิดดังกล่าว ระยะยาวคาดน่าจะกระทบต่อการส่งออกสินค้าพืชผักไปอียู เพราะสินค้าจะถูกกัก ณ ด่านนำเข้าจนกว่าจะได้รับผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการ (แล็บ) โดยด่านจะใช้เวลาตรวจสอบเอกสาร 2 วัน ก่อนส่งตัวอย่างสินค้าไปตรวจที่ห้องแล็บ ซึ่งค่าใช้จ่ายของการตรวจสอบจะเป็นภาระของผู้นำเข้า ทั้งยังต้องใช้แบบฟอร์มการนำเข้าตามที่กำหนดไว้ในกฎระเบียบด้วย ถ้าสินค้าไม่มีปัญหาอียูจึงจะอนุญาตให้นำเข้าได้

ผอ.มกอช.กล่าวอีกว่า สหภาพยุโรปจะทำการทบทวนมาตรการนี้ทุก 4 เดือน ขึ้นอยู่กับรายงานผลการสุ่มตรวจคุณภาพสินค้าผักทั้ง 3 ชนิด โดยอาจมีการเพิ่มหรือลดความเข้มงวดของมาตรการได้ เบื้องต้นผู้ประกอบการไทยควรเข้มงวดในการคัดเลือกผลผลิตจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานจีเอพี โรงคัดบรรจุที่ได้รับมาตรฐานจีเอ็มพี และไม่ควรรับซื้อสินค้าจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 17 มกราคม 2553
http://www.komchadluek.net/detail/20100117/44982/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology