͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ดันผลิตเกษตรอินทรีย์เต็มศักยภาพ กษ.เร่งเครื่องขยายส่งออก ชิงตลาด 6หมื่นล.ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 53

ดันผลิตเกษตรอินทรีย์เต็มศักยภาพ กษ.เร่งเครื่องขยายส่งออก ชิงตลาด 6หมื่นล.ดอลลาร์

นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า มูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดโลกแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20 เปอร์เซ็นต์ โดยในปี 2553 คาดว่ามูลค่าตลาดเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกจะมีประมาณ 60,000 ล้านดอลล่าร์ โดยมีตลาดหลักสำคัญแบ่งเป็นสหภาพยุโรป ร้อยละ 50 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 45 ญี่ปุ่นร้อยละ 2.3 และออสเตรเลีย ร้อยละ 1

ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯได้ตั้งงบประมาณปี 2554 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการประมาณ 630 ล้านบาท กำหนดเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การทำเกษตรอินทรีย์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือการปรับโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่เกษตรกรรม และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยวางเป้าหมายให้เกษตรกร ปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรแบบเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์ประมาณ 853,420 ราย บนพื้นที่ทั้งหมด 9 ล้านไร่ เพื่อให้เกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 20,000 ไร่ โดยจะเน้นสินค้าหลักที่เป็นจุดแข็งของไทย ประกอบด้วย ข้าว ผัก ผลไม้ และสมุนไพรต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งออกและบริโภคภายในประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่การปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ของไทยมีประมาณ 3 แสนไร่ แต่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพียง 1.4 แสนไร่เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการในตลาดโลด

"การพัฒนาด้านการเกษตรอินทรีย์ไทยแม้ว่าจะมีราคาดีในตลาดยุโรปอเมริกาและญี่ปุ่น แต่การจะได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์เป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกวัน เพราะมาตรฐานต่างๆ จะมีการปรับกฎเกณฑ์อยู่บ่อยครั้งเพื่อให้ทันสมัย และมีกฎเกณฑ์เพื่อกีดกันทางการค้ามากขึ้นทุกปี ในขณะที่ปัจจุบันไทยมีพื้นที่เพาะปลูกน้อยลง เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งต้องถูกแบ่งปันเพื่อปลูกพืชพลังงาน ดังนั้น แนวทางการพัฒนาต่างๆ เพื่อสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกจำเป็นต้องเร่งพัฒนาพื้นที่ปลูกให้มี ประสิทธิภาพ พร้อมๆกับการพัฒนามาตรฐานและการตรวจรับรองให้สามารถเทียบเคียงกับสากล" นายอรรถ กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 21 มิถุนายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=215976

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology