͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

"ซีพี" ฟุ้งพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ให้ผลผลิตสูง 1,000 ก.ก.ต่อไร่-ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 53

"ซีพี" ฟุ้งพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ให้ผลผลิตสูง 1,000 ก.ก.ต่อไร่-ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญร่วมกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า แต่ละปีเกษตรกรไทยมีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงถึง 900,000 ตัน/ปี ขณะที่ประเทศไทยสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพประมาณปีละ 100,000 ตันเท่านั้น ซึ่งปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลผลิต ข้าวไทยค่อนข้างต่ำเฉลี่ยที่ 454 กก./ไร่ ขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยข้าวของประเทศเวียดนาม อินโดนีเซียและจีนอยู่ที่ 862, 813 และ 1,054 กก./ไร่ นอกจากนี้ทั้ง 3 ประเทศยังให้ความสำคัญกับการนำพันธุ์ข้าวลูกผสมมาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ซึ่งในอนาคตอาจจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการค้าข้าวของประเทศไทยได้

ดังนั้นบริษัทฯจึงมีนโยบายที่จะพัฒนาสายพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตสูง โดยส่งเสริมการปลูกพันธุ์ข้าวลูกผสม C.P.304 ที่ ต.บางภาษี อ.บางเลน จ.นครปฐุม พบว่า ผลผลิตข้าวลูกผสม C.P.304 ฤดูปลูกแรกในแปลงของเกษตรกรได้ผลผลิตเฉลี่ยที่ 1,200 กก./ไร่ ขณะที่พันธุ์ข้าวทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียงเฉลี่ยที่ 1,000 กก./ไร่ ส่วนฤดูที่ 2 ตรงกับช่วงนาปรัง 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวได้รับผลกระทบจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ผลผลิตข้าวลูกผสม C.P.304 เฉลี่ยที่ 900-1,000 กก./ไร่ ขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยของพันธุ์ข้าวทั่วไปในแปลงใกล้เคียงอยู่ที่ 600-700 กก./ไร่เท่านั้น อีกทั้งเกษตรกรยังระบุด้วยว่าพันธุ์ข้าวลูกผสมไม่มีปัญหาเรื่องข้าวดีด ข้าวเด้ง และมีความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลดีกว่าพันธุ์ข้าวทั่วไป

นาย มนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมีแผนที่จะช่วยภาครัฐในการขยายพันธุ์ข้าวของทางราชการ ได้แก่ พันธุ์ กข.29, กข.41 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จำหน่ายในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงฤดูนาปีประจำปี 2553 เพื่อเป็นทางเลือก และลดความเสี่ยงให้เกษตรกรในเขตที่มีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลขั้นรุนแรง โดยเบื้องต้นได้นำเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้ของข้าวทั้ง 2 พันธุ์จากกรมการข้าวมาดำเนินการผลิตตามหลักวิชาการการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้องแล้วทำให้เมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ ทั้งเรื่องของความต้านทานโรคแมลงและผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 18 มิถุนายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=215559

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology