͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ลดปัญหาข้าวสุกไม่พร้อมกัน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 53

ลดปัญหาข้าวสุกไม่พร้อมกัน ดร.เฉลิมพล  เกิดมณี  ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่นาข้าวหลายแห่งประสบปัญหาเรื่องการสุก-แก่ที่ไม่พร้อมกันของพันธุ์ข้าวที่ปลูก ทำให้เกษตรกรต้องเสียรายได้จากปัญหาดังกล่าวไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-20   ของผลผลิตทั้งหมด อย่างไรก็ตามผลการวิจัยพบว่าปัญหาการสุก-แก่ไม่พร้อมกันของข้าวนั้น สามารถแก้ไขได้โดยวิธีการปรับสภาพดินในแปลงให้เรียบเสมอกันก่อนปลูก จะทำให้เกษตรกรสามารถควบคุมระดับน้ำในแปลงให้สม่ำเสมอและสอดคล้องกับความต้องการของข้าวในแต่ละช่วงเวลา อีกทั้งยังช่วยให้การใส่ปุ๋ยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นข้าวในแปลงจึงมีอัตราการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอกัน และมีปัญหาโรคแมลงน้อยกว่าการปลูกข้าวโดยไม่มีการปรับสภาพแปลง

“เดิมทีพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรไทยใช้จะเป็นพันธุ์ข้าวที่ไว ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่ตอบสนองต่อช่วงแสงที่เหมาะสม ทำให้ต้องปลูกให้ตรงตามฤดูกาล จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสุก-แก่ของข้าวที่ไม่พร้อมกัน แต่เนื่องจากกระแสความต้องการข้าวที่เพิ่มขึ้นทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางหันมาปลูกพันธุ์ข้าวอายุสั้น ซึ่งมีอายุการเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 90  วันและเป็นพันธุ์ข้าวไม่ไวแสงมากขึ้น  ดังนั้นขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกให้เรียบเสมอกันก่อนทำการปลูกจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจะทำให้ข้าวทั้งแปลงได้รับน้ำและธาตุอาหารที่สม่ำเสมอ ซึ่งจากผลการทดสอบในแปลงของเกษตรกรหลายแหล่งพบว่า การปรับสภาพดินให้เรียบทำให้มีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นไร่ละ 10-20% ขณะที่เกษตรกรมีต้นทุนเพิ่มจากการไถดะและไถพรวนเพียงไร่ละ 200 บาทเท่านั้น” ดร.เฉลิมพล กล่าว.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 1 มิถุนายน 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=69102

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology