͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

'เพลี้ยแป้ง' ศัตรูร้ายหมายเลข 1 ของชาวไร่ นิมนต์ 'หลวงพ่อคูณ' ช่วยรณรงค์วิธีป้องกัน

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 53

'เพลี้ยแป้ง' ศัตรูร้ายหมายเลข 1 ของชาวไร่ นิมนต์ 'หลวงพ่อคูณ' ช่วยรณรงค์วิธีป้องกัน ศัตรูพืชไร่ มีอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่ร้ายแรงทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเครียดได้ คือ เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งได้เริ่มระบาดมากในประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 2551 ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ภาครัฐจึงพยายามช่วยเหลือให้เกษตรกรได้รู้จักวิธีป้องกันและกำจัด


สำหรับในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการปลูกมันสำปะหลัง ในเรื่องนี้ นายสวัสดิ์ บึงไกร เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการที่มีเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังเริ่มระบาดมากในประเทศ ไทยตั้งแต่ปลายปี 2551 ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไปแล้วนับเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านไร่ ต่อมาปี 2552 มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลัง แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โดยสถาบันพัฒนามันสำปะหลัง ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้ริเริ่ม “โครงการห้วยบงปลอดภัยจากเพลี้ยแป้ง” โดยร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ทั้ง 25 หมู่บ้าน ตำบลห้วยบง คิดค้นหาวิธีเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเพลี้ยแป้ง ภายใน ต.ห้วยบง จนประสบความสำเร็จและสามารถลดความเสียหายไปได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วยดี โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยบง

เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยอีกว่า โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ลงพื้นที่ ต.ห้วยบง จัดประชุมโครงการนำร่องเกษตรกรที่ทำไร่ปลูกมันสำปะหลัง รวมกันกว่า 30,210 ไร่ ทั้ง 25 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 1,000 ราย พร้อมกับจัดพิธี“ให้สัตยาบันในการป้องกันภัยพิบัติจากเพลี้ยแป้ง อันเป็นศัตรูร้ายหมายเลข 1 ของเกษตรกร” โดยมี นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร มาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งในพิธีได้ให้เกษตรกรกล่าวให้สัตยาบัน ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาว่า ทุกครัวเรือนที่มีอาชีพปลูกมันสำปะหลังจะปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้เป็นกฎเหล็กทั้ง 7 ข้อด้วยดังนี้ คือ

1.ให้ขึ้นทะเบียนสมาชิกผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต.ห้วยบง
2.ให้แช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังด้วยสารเคมี ที่มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้พิสูจน์รับรองและมั่นใจว่าป้องกันเพลี้ยแป้งได้แน่นอนทุกท่อนก่อนปลูก
3.ให้แจ้งกรรมการหมู่บ้านเมื่อพบการเคลื่อนย้ายต้นพันธุ์มันสำปะหลังทั้ง เข้าหรือออกนอกหมู่บ้าน
4.ติดตามเฝ้าระวังแปลงปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่องหลังปลูก
5.ให้แจ้งกรรมการหมู่บ้านเมื่อพบการระบาดของเพลี้ยแป้ง
6. ให้กรรมการหมู่บ้านดำเนินการแก้ไขปัญหาภายในพื้นที่โดยประสานกับหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และ
7.ให้เกษตรกร จากต่างพื้นที่เข้ามาปลูกมันสำปะหลังในเขต ต.ห้วยบง ปฏิบัติตามกฎของชุมชนที่กำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัด โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของสมาชิกรายอื่น ๆ ที่ได้ปฏิบัติตามกฎของชุมชนตำบลห้วยบง


นายสวัสดิ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ส่วนผลที่จะได้รับ 3 ข้อ มีดังนี้ 1.จะได้รับการรับรองในการทำประชาคมหมู่บ้าน ตามมาตรการการช่วยเหลือของภาครัฐ 2.จะได้รับการสนับสนุนแก้ไขปัญหาเพลี้ยแป้งเมื่อเกิดการระบาดในแปลงปลูกมัน สำปะหลัง และ 3.จะได้รับการสนับสนุนความรู้ และวิชาการอื่น ๆ ด้านการเกษตร โดยกรรมการหมู่บ้านจะดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนด รวมถึงการประสานกับส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาให้แก่ชุมชนต่อไป

นายอดุลย์ วินัยแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย สาขาห้วยบง กล่าวว่า โครงการนี้นับว่ามีประโยชน์และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในระดับหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเพลี้ยแป้งระบาดให้เกษตรกรได้ โดยต้นทุนค่าน้ำยาเคมีที่จะนำมาแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังก่อนปลูก ราคาถูกมากเพียงแค่ไร่ละ 20 บาทเท่านั้น หลังจากนั้นให้หมั่นดูแลเฝ้าระวังแปลงปลูกทุก 10 วัน หากพบมีเพลี้ยแป้งเล็กน้อยให้ถอนใส่ถุงดำฝังกลบและใช้ยาฆ่าแมลงฉีดบ้างตามสมควร อย่างไร ก็ตาม หากสงสัยหรืออยากทราบขั้นตอนต่าง ๆ ขอให้สอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้คณะทำงานยังได้ไปขอความร่วมมือกับ พระเทพวิทยาคม หรือ “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” พระเกจิชื่อดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งมีพี่น้องประชาชนและเกษตรกรชาวไร่ให้ความเคารพนับถือกันเป็นจำนวนมากได้ช่วยรณรงค์อีกทาง

โดย “หลวงพ่อคูณ” บอกกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่า “ถ้ามึงแช่ ท่อนพันธุ์ ขอให้มึงรวย ถ้ามึงไม่เชื่อกู ไม่แช่ท่อนพันธุ์ มึงจะซวย อย่าประมาท ลูกหลานเอ้ย” ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์แผ่นพับบรรยายชี้แจง แนะนำวิธีการปฏิบัติ อย่างละเอียดไว้ทุกขั้นตอน แจกจ่าย รณรงค์ ไปทั่วทั้งประเทศ สนใจจะสอบถามข้อมูล เพิ่มเติม กรุงเทพฯ โทร. 0-2679-9112-6, ห้วยบง โทร. 0-4424-9770, 08-1925-0374.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 19 พฤษภาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=420&contentID=66534

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology