͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะวิธีจัดการกิ่งพันธุ์และดูแลแปลง ในภาวะเพลี้ยแป้งระบาด

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 53

แนะวิธีจัดการกิ่งพันธุ์และดูแลแปลง ในภาวะเพลี้ยแป้งระบาด

มันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย เป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนได้เป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นพืชที่สามารถ ทนความแห้งแล้งและปลูกได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีโรคและแมลงรบกวนน้อย แต่ในปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องประสบปัญหาเพลี้ยแป้งระบาดสร้าง ความเสียหายให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะเพลี้ยแป้งสามารถแพร่ระบาดลุกลามขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว และในช่วงแล้งนี้การระบาดมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น

นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เพลี้ยแป้งนับเป็นศัตรูพืชที่สร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเป็นอย่างมาก เพราะเพลี้ยแป้งจะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบและยอดมันทำให้ยอดหงิก หากการทำลายรุนแรงมากๆ ทำให้มันสำปะหลังไม่สามารถผลิตหัว หรือผลิตได้แต่ขนาดเล็กมากทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่ 10-100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้การแพร่กระจายเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะเพลี้ยแป้งสามารถติดไปกับท่อนพันธุ์ที่มีการขนย้ายจากแหล่งที่มีการระบาดไปยังแหล่งปลูกมันอื่น ซึ่งจากที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้สำรวจและติดตามสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยแป้งขณะนี้พบว่ามีเพลี้ยแป้งระบาดรุนแรงในพื้นที่ 20 จังหวัด จาก 45 จังหวัดที่มีการปลูกมัน พื้นที่ระบาดประมาณ 600,000 ไร่ คาดว่าการระบาดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในช่วงแล้งที่ใกล้จะมาถึง และคาดว่าการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังจะทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังลดลงคิด เป็นมูลค่าที่ลดลง 2,800 ล้านบาท และหากยังคงมีการระบาดความเสียหายก็จะรุนแรงมากขึ้น

ดังนั้น เกษตรกรจะต้องมีการจัดการแปลงปลูกมันสำปะหลังอย่างถูกวิธีโดยเฉพาะช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังและเตรียมกิ่งพันธุ์ไว้สำหรับปลูกในฤดูกาลต่อไป กรมส่งเสริมการเกษตรขอแนะนำแนวทางการจัดการกิ่งพันธุ์มันสำปะหลังและการดูแลรักษาแปลงในภาวะที่มีเพลี้ยแป้งระบาด ดังนี้

การเก็บกิ่งพันธุ์มันสำปะหลัง เกษตรกรจะต้องคัดกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง และชุบก่อนปลูกด้วยสารเคมีก่อนปลูก ได้แก่ Thiamethoxam 25% wg (หรือ ชื่อการค้า แอคทารา) อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ประมาณ 5 -10 นาที จะสามารถป้องกันเพลี้ยแป้งหลังปลูกได้นาน 1 เดือน

ห้ามเคลื่อนย้ายกิ่งพันธุ์จากแหล่งระบาดไปสู่แหล่งที่ยังไม่มีแมลงระบาด เพราะจะเป็นการกระจายเพลี้ยแป้งไปสู่แหล่งปลูกอื่น ๆ

ในจังหวัดที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเพลี้ยแป้ง ขอให้เกษตรกรอย่าได้นิ่งนอนใจ ให้หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบเพลี้ยแป้ง ให้ดำเนินการดังนี้

- การตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ทุก ๆ 2 - 4 สัปดาห์ ในแปลงที่ยังไม่เคยมีการระบาด หากเป็นแปลงที่เคยระบาดควรตรวจแปลงทุกสัปดาห์

- สำรวจเพื่อกำหนดจุดเริ่มระบาดของเพลี้ยแป้ง ในกรณีที่มีการชุบท่อนพันธุ์ก่อนปลูกเกษตรกรอาจตรวจแปลงจากชายขอบแปลงที่มีพื้นที่ติดต่อกับแปลงปลูกมันสำปะหลังของเพื่อนบ้าน

- เมื่อพบจุดเริ่มแพร่ระบาด ให้หักยอด และทำลายกิ่งที่ถูกเพลี้ยแป้งเข้าทำลาย โดยการเผา หรือใส่ถุงดำปิดปากถุงให้มิดชิด และวางตากแดดไว้ หรือขุดหลุมฝังกลบ

- ปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติ ได้แก่แตนเบียน หรือตัวห้ำ ได้แก่แมลงช้างปีกใส

- เกษตรกรควรเตรียมแปลงพันธุ์มันสำปะหลังที่มีการดูแลอย่างดี ปลอดจากเพลี้ยแป้ง ไว้เป็นแหล่งพันธุ์ของตนเอง

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากเกษตรกรในพื้นที่ที่มีการระบาดเมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว เกษตรกรมีความจำเป็นต้องเก็บกิ่งพันธุ์สำหรับฤดูกาลต่อไป ให้คัดเลือกต้นที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง ตัดส่วนที่มีผลกระทบจากเพลี้ยแป้งเข้าทำลายทิ้ง คือส่วนที่ข้อและปล้องสั้น และถี่กว่าปกติ จากนั้นนำกิ่งพันธุ์เหล่านั้นชุบสารเคมีตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และวางตั้งกองไว้ ลักษณะการวางกองให้โปร่งกว่าปกติ ควรมีการตรวจเป็นระยะๆ ว่ามีเพลี้ยแป้งเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีต้องใช้สารเคมีฉีด และเมื่อถึงช่วงเวลาที่จะปลูกให้ชุบท่อนพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง หากเกษตรกรต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือศูนย์บริหารศัตรูพืชในพื้นที่

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 11 มกราคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=194725

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology