͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปลาคาร์ปและปลาไนเตรียมรับมือโรค 'เคเอชวี' ระบาด

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 53

ปลาคาร์ปและปลาไนเตรียมรับมือโรค 'เคเอชวี' ระบาด ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร  รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า โรค “เคเอชวี” เป็นโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อเฮอร์พีสไวรัส ซึ่งจะพบในปลาคาร์ปและปลาไน โดยพบการระบาดครั้งแรกในปี 2541 ที่ประเทศอิสราเอล และภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

โดยปลาที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวจะมีเมือกมากตามผิวตัว มีรอยตกเลือดกระจายตามตัว บางครั้งพบแผลตื้น ๆ ร่วมด้วย หากติดเชื้อรุนแรงเหงือกบางส่วนจะมีลักษณะกร่อน ซีดขาว และอาจมีรอยแถบด่างตามลำตัว ลอยตัวอยู่ใกล้ผิวน้ำคล้ายอาการขาดออกซิเจน นอกจากนี้ เบ้าตาอาจมีการยุบตัวจนดวงตามีขนาดเล็กลง โดยสาเหตุของการเกิดโรคมาจากการใช้น้ำเพาะเลี้ยงร่วมกัน  และการเคลื่อนย้ายปลาที่เป็นพาหะของโรค ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ซึ่งขณะนี้พบการระบาดของโรค “เคเอชวี” ใน 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ตรวจพบการระบาดของโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมสถานการณ์ กรมประมงจึงขอแจ้งเตือนให้ผู้เพาะเลี้ยง ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้า-ส่งออกปลาคาร์ปและปลาไน โปรดใช้ความระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายปลา ทั้งนี้ ฟาร์มเพาะเลี้ยงจะต้องมีสถานภาพปลอดจากโรคเคเอชวีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี จึงจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้

และเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่กระจายของโรคทางกรมประมงแนะนำมาว่าให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาคาร์ปและปลาไน รวมทั้งผู้ประกอบการนำเข้า ส่งออก ร่วมมือป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโรคดังกล่าว สำหรับในกรณีที่พบปลาป่วยให้รีบส่งตัวอย่างไปที่สถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำจืด กรมประมง เพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส และเพาะแยกเชื้อไวรัส  และหากผลการตรวจพบเชื้อโรคก็ให้รีบทำลายปลาที่ป่วยและปลาที่มีโอกาสเป็นพาหะ นำโรคทันที  ที่สำคัญห้ามทิ้งน้ำจากบ่อที่ติดเชื้อโรคที่ยังไม่ผ่านการบำบัดหรือฆ่าเชื้อ โรคก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรงเด็ดขาด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำจืด สำนักวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กรมประมง โทรศัพท์ 0-2579-4122, 0- 2579-6803 และ 0-2579-6977 ในวันและเวลาราชการ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=50607

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology